หลักการและวิธีอ่านภาษาบาลี

1. พยัญชนะที่ไม่มีสระใดประกอบ  ให้อ่านออกเสียงเหมือนมี สระอะ ประกอบ
     ภควโต   ->   ภะ-คะ-วะ-โต
     อิธ   ตถาคโต   ->   อิ-ธะ   ตะ-ถา-คะ-โต
     อเนกสตโกฏโย   ->   อะ-เน-กะ-สะ-ตะ-โก-ฏะ-โย

2. พยัญชนะที่มีพินทุ (จุด) อยู่ข้างใต้  เมื่อตามหลังพยัญชนะต้น  ให้ทำหน้าที่เป็นตัวสะกด
   2.1 กรณีตามหลังพยัญชนะต้นที่ไม่มีสระ  พยัญชนะต้นที่ไม่มีสระนั้น คือเสียงสระอะ  เวลาออกเสียงรวมกับพยัญชนะที่มีพินทุซึ่งเป็นตัวสะกด  จะอ่านออกเสียงเหมือนมี  ไม้หันอากาศ + ตัวสะกด  
        สพฺเพ   ->   สัพ-เพ
        ตมฺปิ   ->   ตัม-ปิ
        อนตฺตา   ->   อะ-นัต-ตา

   2.2 กรณีตามหลังพยัญชนะต้นที่มีสระ  พยัญชนะที่มีพินทุ จะทำหน้าที่เป็นตัวสะกดของพยัญชนะต้น และสระนั้น
        พุทฺโธ   ->   พุท-โธ
        จิตฺตานิ   ->   จิต-ตา-นิ
        โสตฺถี   ->   โสต-ถี

3. พยัญชนะที่มีนิคหิต (วงกลมเล็ก) อยู่ข้างบน  ให้อ่านออกเสียงนาสิกเหมือนมี  -  เป็นตัวสะกด (สะกดด้วยแม่กง)
   3.1 กรณีพยัญชนะที่ไม่มีสระ  พยัญชนะที่ไม่มีสระนั้น คือเสียงสระอะ  เมื่อพยัญชนะนั้น มีนิคหิตอยู่ข้างบน  จึงอ่านออกเสียงเหมือนมี  ไม้หันอากาศ + -ง สะกด
        ชาตํ   ->   ชา-ตัง
        สรณํ   วรํ   ->   สะ-ระ-ณัง    วะ-รัง

   3.2 กรณีพยัญชนะที่มีสระ  เมื่อพยัญชนะนั้น มีนิคหิตอยู่ข้างบน  ให้ออกเสียงพยัญชนะ และสระนั้น  เหมือนมี  -  เป็นตัวสะกด  
        สตึ   ->   สะ-ติง
        ปตฺตุํ   ->   ปัต-ตุง

        ทั้งนี้  นิคหิต  จัดเป็นพยัญชนะตัวหนึ่งในภาษาบาลี  ใช้ประกอบกับสระเสียงสั้น 3 ตัว  คือ  อะ  อิ  อุ   เป็น   อํ  อึ  อุํ   (ออกเสียงนาสิกเป็น  อัง  อิง  อุง)

4. คำที่สะกดด้วย  เ-ยฺ , อิยฺ
   4.1 คำที่สะกดด้วย  เ-ยฺ   นิยมออกเสียงเป็น  ไ-ย   (ภาษาบาลี ไม่มีสระเออ  เวลาออกเสียงคำนี้  จึงไม่ได้ออกเสียง เอย อย่างในภาษาไทย  ภาษาบาลีคำที่สะกดด้วย  เ-ยฺ  คือ  สระเอ + ตัวสะกด ยฺ  ซึ่งออกเสียงยาก จึงนิยมออกเสียงเป็น ไ-ย)  
        อาหุเนยฺโย   ->   อา-หุ-ไนย-โย
        เสยฺยถีทํ   ->   ไสย-ยะ-ถี-ทัง

   4.2 คำที่สะกดด้วย  อิยฺ   ออกเสียงเป็น  อีย
        นิยฺยานิโก   ->   นีย-ยา-นิ-โก

5. อักษร    ให้ออกเสียงเป็น  
     ปณฺฑิโต   ->   ปัณ-ดิ-โต

6. อักษร    +  สระ อี   นิยมอ่านว่า  ฮี
     หีโน   ->    ฮี-โน
          
7. การอ่านคำที่เป็นเสียงกึ่งมาตรา / เสียงควบกล้ำ
   7.1 พยัญชนะต้นซึ่งมีพินทุ (จุด) อยู่ข้างใต้  เมื่อตามด้วยพยัญชนะ            เวลาอ่านออกเสียง  จะออกเสียงพยัญชนะต้นนั้น  เป็นเสียงกึ่งมาตรา  ควบกล้ำกับพยัญชนะ          ซึ่งอยู่ติดกัน
        พฺยญฺชนํ   ->   พะ-ยัญ-ชะ-นัง   (ออกเสียง พะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ พะ-ยัญ)        
        ทฺวิ   ->  ทะ-วิ   (ออกเสียง ทะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ทะ-วิ)
        เทฺวเม   ->   ทะ-เว-เม   (ออกเสียง ทะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ทะ-เว)
        ตฺวํ   ->   ตะ-วัง   (ออกเสียง ตะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ตะ-วัง)
        สฺวากขาโต   ->   สะ-วาก-ขา-โต  /  สะ-หวาก-ขา-โต   (ออกเสียง สะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ สะ-วาก / สะ-หวาก)
        พฺรูติ   ->   พะ-รู-ติ   (ออกเสียง พะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ พะ-รู)
        ปฺลวติ   ->   ปะ-ละ-วะ-ติ   (ออกเสียง ปะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ปะ-ละ)
        สพฺพเกฺลเสหิ   ->   สัพ-พะ-กะ-เล-เส-หิ   (กฺ เป็นพยัญชนะต้นของพยางค์ที่สาม) (ออกเสียง กะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ กะ-เล)
        อินฺทฺริยํ   ->   อิน-ทะ-ริ-ยัง   (ทฺ เป็นพยัญชนะต้นของพยางค์ที่สอง) (ออกเสียง ทะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ทะ-ริ)
         
   7.2 พยัญชนะที่มีพินทุ (จุด) อยู่ข้างใต้  ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวสะกด  เมื่อตามด้วยพยัญชนะ          จะออกเสียงเป็นทั้งตัวสะกดของพยางค์แรก  และออกเสียงกึ่งมาตรา  ควบกล้ำกับพยัญชนะ           ซึ่งอยู่ติดกัน ในพยางค์ถัดไป
        อพฺยากตา   ->   อัพ-พะ-ยา-กะ-ตา  (ออกเสียง พะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ พะ-ยา)
        สกฺยมุนี   ->   สัก-กะ-ยะ-มุ-นี  (ออกเสียง กะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ กะ-ยะ)
        กลฺยาโณ   ->   กัล-ละ-ยา-โณ  (ออกเสียง ละ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ละ-ยา)
        ภทฺรานิ   ->   ภัท-ทะ-รา-นิ   (ออกเสียง ทะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ทะ-รา)
        อญฺญตฺร   ->   อัญ-ญัต-ตะ-ระ   (ออกเสียง ตะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ตะ-ระ)
        กตฺวา   ->   กัต-ตะ-วา   (ออกเสียง ตะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ตะ-วา)
        สุตฺวา   ->   สุต-ตะ-วา   (ออกเสียง ตะ กึ่งมาตรา, ควบกล้ำ ตะ-วา)

        ทั้งนี้  กรณี สะกดด้วย ยฺ  ตามด้วย    และสะกดด้วย ลฺ  ตามด้วย ล  ให้ออกเสียงเป็นตัวสะกดอย่างเดียว  ไม่ต้องออกเสียงกึ่งมาตรา  เช่น  เสยฺยํ  อ่านว่า  ไสย-ยัง,  กลฺลํ  อ่านว่า  กัล-ลัง

   7.3 เมื่อสะกดด้วย  สฺ  และตามด้วยพยัญชนะอื่น  จะออกเสียงเป็นทั้งตัวสะกดของพยางค์แรก  และออกเสียง ส  กึ่งมาตรา  ควบกล้ำกับพยัญชนะตามในพยางค์ถัดไป
        ตสฺมา   ->   ตัส-สะ-มา  /  ตัส-สะ-หมา   (ออกเสียง  สะ  กึ่งมาตรา)
        ตสฺมิง   ->   ตัส-สะ-มิง  /  ตัส-สะ-หมิง   (ออกเสียง  สะ  กึ่งมาตรา)
        ทิสฺวา   ->   ทิส-สะ-วา  /  ทิส-สะ-หวา   (ออกเสียง  สะ  กึ่งมาตรา)

        ทั้งนี้  กรณี สะกดด้วย  สฺ  ตามด้วย     ให้ออกเสียงเป็นตัวสะกดอย่างเดียว  ไม่ต้องออกเสียงกึ่งมาตรา  เช่น  ตสฺส  อ่านว่า  ตัส-สะ
        อนึ่ง  ภาษาบาลี ไม่มีวรรณยุกต์  (เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ)  การออกเสียงคำ/พยางค์  เป็นเสียงสูง  กลาง  หรือต่ำ  ไม่ได้ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไป  การจะใช้ระดับเสียงอย่างไร  ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและอารมณ์ขณะพูด  เช่น  ตสฺมา  สามารถออกเสียงได้ทั้ง  ตัส-สะ-มา,  ตัส-สะ-ม๊า,  ตัส-สะ-หมา

   7.4 การอ่านคำ พฺรหฺม , พฺราหฺมณ   
        พฺรหฺม  อ่านว่า  พรัม-มะ  (ออกเสียงควบกล้ำ)
        พฺราหฺมณ  อ่านว่า  พราม-มะ-ณะ  (ออกเสียงควบกล้ำ)
        พฺรหฺมจริยํ   ->   พรัม-มะ-จะ-ริ-ยัง
        พฺรหฺมุโน   ->   พรัม-มุ-โน
        พฺราหฺมณา   ->   พราม-มะ-ณา

   ทั้งนี้  ในหนังสือสวดมนต์ที่เป็นคำอ่านภาษาไทย  จะใช้เครื่องหมายยามักการ  ซึ่งมีลักษณะคล้ายเลข 3 กลับด้าน  เติมเหนือพยัญชนะเพื่อแสดงการออกเสียงกึ่งมาตรา / ควบกล้ำ  เช่น  กัต๎วา  (กตฺวา),  ตัส๎มา  (ตสฺมา)   


เขียนสรุปโดย  ting074ch



อ้างอิง :
- หลักการอ่านออกเสียงบาลี โดยย่อ  โพสท์ในลานธรรมเสวนาโดย ภิกษุ เมื่อ 27 ก.ค. 44  เว็บไซต์ http://www.dharma-gateway.com/dhamma/dhamma-19.htm 
- หลักการอ่านภาษาบาลี  โดย อาจารย์เตี้ย  เมื่อ 10 ม.ค. 52  เว็บไซต์  http://palungjit.org
- ระบบการออกเสียงภาษาบาลี  เว็บไซต์  https://th.wikipedia.org/
- หนังสือบททำวัตร-สวดมนต์ (แปล)  รวบรวมโดย แก้ว  ชิดตะขบ  จัดพิมพ์โดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  พิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2553
- ขอถามเรื่องการอ่านภาษาบาลีครับ  ตอบโดย ปาลกะ  เมื่อ 7 ส.ค. 52  เว็บไซต์  http://www.palidict.com/node/485 


บทสวดมนต์ สัพพปัตติทานคาถา (บาลี พร้อมคำแปล) (อุทิศส่วนบุญให้สรรพสัตว์, อธิษฐานจิต)


บทสวดมนต์  สัพพปัตติทานคาถา  จากหนังสือสวดมนต์แปล  ฉบับรวบรวมและแปลโดย  พระศาสนโศภน  (แจ่ม  จตฺตสลฺโล)  วัดมกุฏกษัตริยาราม   ซึ่งได้มอบให้มหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นเจ้าของ  (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 11/2533)  (พิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2481) (542 หน้า)


สามารถดาวน์โหลด Ebook  ไฟล์ PDF หนังสือสวดมนต์แปล  และไฟล์ DOC, EPUB บทสวดมนต์แปล  มาไว้อ่านบนเครื่องคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์มือถือ  ได้ที่  Link  :

https://drive.google.com/drive/folders/0BzNKymgMsofBOThBX3gzNUhWTXc?resourcekey=0-w3YZgnd85d_xWTdYISLL_A&usp=sharing

https://play.google.com/store/search?q=ting074ch&c=books


สามารถรับฟังเสียงสวดมนต์  (สวดมนต์ ทำนองมคธ / ธรรมยุติ  โดยไม่เปลี่ยนเสียงพยัญชนะ)  และเสียงอ่านคำแปลบทสวดมนต์บางบท  ได้ที่ ting074ch Youtube Channel  ที่ Link  :

https://www.youtube.com/channel/UC0lr6qLF2P9Lm5XdtbsXiQw


สัพพปัตติทานคาถา
(หน้า 323)
      1  ปุญฺญสฺสิทานิ   กตสฺส
ยานญฺญานิ   กตานิ   เม 
เตสญฺจ   ภาคิโน   โหนฺตุ
สตฺตานนฺตาปฺปมาณกา
สัตว์ทั้งหลาย   ไม่มีที่สุด   ไม่มีประมาณ   จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญอันข้าพเจ้าทำแล้ว ณ กาลบัดนี้ด้วย   แห่งบุญทั้งหลายอื่น  อันข้าพเจ้าทำแล้วด้วย
เย   ปิยา   คุณวนฺตา   จ
เหล่าใดเป็นที่รัก   และมีคุณ
มยฺหํ   มาตาปิตาทโย
มีมารดาและบิดาเป็นต้น   ของข้าพเจ้า
ทิฏฺฐา   เม   จาปฺยทิฏฺฐา   วา
เหล่าใดที่ข้าพเจ้าเห็นแล้ว   หรือแม้ที่ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นแล้ว
อญฺเญ   มชฺฌตฺตเวริโน
เหล่าอื่น   ที่เป็นผู้มัธยัสถ์   เป็นกลาง   และเป็นผู้มีเวร
สตฺตา   ติฏฺฐนฺติ   โลกสฺมึ 
สัตว์ทั้งหลาย   ตั้งอยู่ในโลก
เตภุมฺมา   จตุโยนิกา
เป็นไปในภูมิ 3   เป็นไปในกำเนิด 4
ปญฺเจกจตุโวการา
มีขันธ์ 5   มีขันธ์ 1   มีขั้น 4
สํสรนฺตา   ภวาภเว
ท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยและภพใหญ่
ญาตํ   เย   ปตฺติทานมฺเม
ความให้ส่วนบุญของข้าพเจ้า   อันสัตว์ทั้งหลายเหล่าใดรู้แล้ว
อนุโมทนฺตุ   เต   สยํ
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจงอนุโมทนาเองเถิด
เย   จิมํ   นปฺปชานนฺติ
ส่วนสัตว์ทั้งหลายเหล่าใด   ยังไม่รู้ซึ่งความให้ส่วนบุญของข้าพเจ้านี้
เทวา   เตสํ   นิเวทยุํ
ขอเทพดาทั้งหลาย   พึงแจ้งแก่สัตว์ทั้งหลายนั้นให้รู้   (แล้วอนุโมทนา)
มยา   ทินฺนาน   ปุญฺญานํ
อนุโมทนเหตุนา
เพราะเหตุคืออนุโมทนา   ซึ่งบุญทั้งหลายอันข้าพเจ้าได้ให้แล้ว
สพฺเพ   สตฺตา   สทา   โหนฺตุ
อเวรา   สุขชีวิโน
ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง   จงเป็นผู้ไม่มีเวร   จงเป็นผู้ดำรงชีพโดยสุขทุกเมื่อ
เขมปฺปทญฺจ   ปปฺโปนฺตุ
จงถึงซึ่งบทอันเกษม   คือพระนิพพาน
เตสาสา   สิชฺฌตํ   สุภา.
ขอความปรารถนาที่ดีงาม   ของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสำเร็จเถิด.
      2  ยนฺทานิ   เม   กตํ   ปุญฺญํ
บุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้ว  ณ  กาลบัดนี้
เตนาเนนุทฺทิเสน   จ
เพราะบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำ  ณ  กาลบัดนี้นั้นด้วย   เพราะความอุทิศส่วนบุญอันนี้นั้นด้วย
ขิปฺปํ   สจฺฉิกเรยฺยาหํ
ขอข้าพเจ้าพึงกระทำให้แจ้งโดยพลัน
ธมฺเม   โลกุตฺตเร   นว
ซึ่งโลกุตรธรรมทั้งหลาย 9
สเจ   ตาว   อภพฺโพหํ
ถ้าว่าข้าพเจ้ายังอภัพพ์อยู่   คือยังไม่บรรลุโลกุตรธรรมก่อนไซร้
สํสาเร   ปน   สํสรํ
ก็แล   เมื่อข้าพเจ้ายังท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร
นิยโต   โพธิสตฺโตว
เหมือนพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยง
สมฺพุทฺเธน   วิยากโต
อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์แล้ว
นาฏฺฐารสปิ   อภพฺพฐานานิ
ปาปุเณยฺยหํ.
ขอข้าพเจ้า   ไม่พึงถึงอภัพพฐาน 18.
      3  ปญฺจเวรานิ   วชฺเชยฺยํ
รเมยฺยํ   สีลรกฺขเณ
ขอข้าพเจ้า   พึงพ้นเวร 5 เสีย  
พึงยินดีในอันรักษาศีล
ปญฺจกาเม   อลคฺโคหํ
พึงเป็นผู้ไม่ติดข้องอยู่ในกามารมณ์ 5
วชฺเชยฺยํ   กามปงฺกโต
พึงเว้นจากเปือกตม  คือกามารมณ์
ทุทฺทิฏฺฐิยา   น   ยุชฺเชยฺยํ
ขอข้าพเจ้า   ไม่พึงประกอบด้วยทิฏฐิชั่ว
สํยุชฺเชยฺยํ   สุทิฏฺฐิยา
พึงประกอบด้วยทิฏฐิดี
ปาเป   มิตฺเต   น   เสเวยฺยํ
ไม่พึงคบมิตรทั้งหลายอันชั่ว
เสเวยฺยํ   ปณฺฑิเต   สทา
พึงคบบัณฑิตทั้งหลายทุกเมื่อ
สทฺธาสติหิโรตฺตปฺปา-
ตาปกฺขนฺติคุณากโร
ขอข้าพเจ้า   พึงเป็นบ่อเกิดแห่งคุณคือศรัทธา  สติ  หิริ  โอตตัปปะ  ความเพียรและขันติ
อปฺปสยฺโหว   สตฺตูหิ
อันเหล่าศัตรูไม่พึงครอบงำได้
เหยฺยํ   อมนฺทมุฬฺหโก
พึงเป็นผู้ไม่เขลา   ไม่หลง
สพฺพายาปายุปาเยสุ 
เฉโก   ธมฺมตฺถโกวิโท
ขอข้าพเจ้า   พึงเป็นผู้ฉลาด   ในความเจริญและความเสื่อม   และอุบายของความเจริญ   และความเสื่อมทั้งปวง   พึงเป็นผู้เฉียบแหลมในธรรมและอรรถ
เญยฺเย   วตฺตตฺวสชฺชํ   เม 
ญาณํ   อเฆว   มาลุโต
ขอญาณของข้าพเจ้า   ไม่ขัดข้อง   เป็นไปในธรรมอันบุคคลพึงรู้   ดังลมพัดในอากาศฉะนั้น
ยา   กาจิ   กุสลา   มฺยาสา
ความปรารถนาอันใดอันหนึ่งที่เป็นกุศลของข้าพเจ้า
สุเขน   สิชฺฌตํ   สทา
จงสำเร็จโดยง่ายทุกเมื่อ
เอวํ   วุตฺตา   คุณา   สพฺเพ
ขอคุณทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาแล้วอย่างนี้
โหนฺตุ   มยฺหํ   ภเว   ภเว
จงมีแก่ข้าพเจ้าทุก ๆ ภพเถิด
ยทา   อุปฺปชฺชติ   โลเก
สมฺพุทฺโธ   โมกฺขเทสโก
เมื่อใด   พระสัมพุทธเจ้าผู้แสดงธรรมเป็นเครื่องพ้นจากทุกข์บังเกิดขึ้นในโลก
ตทา   มุตฺโต   กุกมฺเมหิ
ลทฺโธกาโส   ภเวยฺยหํ.
เมื่อนั้น   ขอข้าพเจ้าเป็นผู้พ้นแล้วจากกรรมอันชั่ว   คืออกุศลทั้งหลาย   เป็นผู้มีโอกาสอันได้แล้ว.
      มนุสฺสตฺตญฺจ   ลิงฺคญฺจ
ปพฺพชฺชญฺจุปสมฺปทํ
ลภิตฺวา   เปสโล   สีลี
พึงได้ซึ่งความเป็นมนุษย์ด้วย   ซึ่งลิงคสมบัติ  คือความเป็นบุรุษด้วย   ซึ่งบรรพชาอุปสมบทด้วย   เป็นผู้มีศีล   มีศีลเป็นที่รัก
ธาเรยฺยํ   สตฺถุสาสนํ
พึงทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระศาสดา  คือทรงพระไตรปิฎก
สุขาปฏิปโท   ขิปฺปาภิญฺโญ 
สจฺฉิกเรยฺยหํ
เป็นผู้มีปฏิปทาง่าย   ตรัสรู้โลกุตรธรรมโดยพลัน   พึงกระทำให้แจ้ง
อรหตฺตผลํ   อคฺคํ
ซึ่งอรหัตผลอันเลิศ
วิชฺชาทิคุณลงฺกตํ
อันคุณมีวิชชาเป็นต้นประดับแล้ว
ยทิ   นุปฺปชฺชติ   พุทฺโธ
ถ้าหากพระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น
กมฺมํ   ปริปุรญฺจ   เม
กุศลธรรมของข้าพเจ้า   ก็เต็มเปี่ยมไซร้
เอวํ   สนฺเต   ลเภยฺยาหํ
ปจฺเจกโพธิมุตฺตมนฺติ.
เมื่อเป็นฉะนี้แล้ว   ขอข้าพเจ้าพึงได้ซึ่งพระปัจเจกโพธิญาณอันอุดม  เทอญ.


Link ไปยังบทสวดมนต์อื่นใน Blog นี้

ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม