บทสวดมนต์ อาทิตตปริยายสูตร (บาลี พร้อมคำแปล)


บทสวดมนต์  อาทิตตปริยายสูตร  จากหนังสือสวดมนต์แปล  ฉบับรวบรวมและแปลโดย  พระศาสนโศภน  (แจ่ม  จตฺตสลฺโล)  วัดมกุฏกษัตริยาราม   ซึ่งได้มอบให้มหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นเจ้าของ  (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 11/2533)  (พิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2481) (542 หน้า)


สามารถดาวน์โหลด Ebook  ไฟล์ PDF หนังสือสวดมนต์แปล  และไฟล์ DOC, EPUB บทสวดมนต์แปล  มาไว้อ่านบนเครื่องคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์มือถือ  ได้ที่  Link  :

https://drive.google.com/drive/folders/0BzNKymgMsofBOThBX3gzNUhWTXc?resourcekey=0-w3YZgnd85d_xWTdYISLL_A&usp=sharing

https://play.google.com/store/search?q=ting074ch&c=books


สามารถรับฟังเสียงสวดมนต์  (สวดมนต์ ทำนองมคธ / ธรรมยุติ  โดยไม่เปลี่ยนเสียงพยัญชนะ)  และเสียงอ่านคำแปลบทสวดมนต์บางบท  ได้ที่ ting074ch Youtube Channel  ที่ Link  :

https://www.youtube.com/channel/UC0lr6qLF2P9Lm5XdtbsXiQw


เริ่มอาทิตตปริยายสูตร 
(หน้า 218)
      เวเนยฺยทมโนปาเย 
สพฺพโส   ปารมึ   คโต 
อโมฆวจโน   พุทฺโธ 
อภิญฺญายานุสาสโก 
พระพุทธเจ้า   ได้ถึงพระบารมีแล้วโดยประการทั้งปวง   ในอุบายฝึกเวไนยสัตว์   มีพระวาจาไม่เปล่าจากประโยชน์   ทรงพร่ำสอนเพื่อความตรัสรู้ยิ่ง
จิณฺณานุรูปโต   จาปิ 
ธมฺเมน   วินยํ   ปชํ 
และทรงแนะนำหมู่สัตว์   โดยธรรมตามสมควรแก่อุปนิสัยที่เคยประพฤติมา
จิณฺณาคฺคิปาริจริยานํ 
สมฺโพชฺฌารหโยคินํ 
ยมาทิตฺตปริยายํ 
เทสยนฺโต   มโนหรํ 
ทรงแสดงอาทิตตปริยายอันใดเป็นเครื่องนำใจ   ของพวกพระโยคี   ผู้ควรจะตรัสรู้   ซึ่งเป็นชฎิลเคยบำเรอไฟ
เต   โสตาโร   วิโมเจสิ 
ได้ทรงยังพระโยคีผู้สดับเหล่านั้น   ให้พ้นแล้ว
อเสกฺขาย   วิมุตฺติยา 
ด้วยอเสกขวิมุตติ
ตเถโวปปริกฺขาย 
วิญฺญูนํ   โสตุมิจฺฉตํ 
ทุกฺขตาลกฺขโณปายํ 
ตํ   สุตฺตนฺตํ   ภณาม   เส. 
เราทั้งหลาย   จงสวดอาทิตตปริยายสูตรนั้น   เป็นอุบายเครื่องกำหนดความทุกข์   เพื่อวิญญูชนทั้งหลาย   ผู้ปรารถนาเพื่อจะฟัง   โดยความใคร่ครวญอย่างนั้นเทอญ.



อาทิตตปริยายสูตร 
(หน้า 219)
      เอวมฺเม   สุตํ 
อันข้าพเจ้า  (คือพระอานนทเถระ)   ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกํ   สมยํ   ภควา 
สมัยหนึ่ง   พระผู้มีพระภาคเจ้า
คยายํ   วิหรติ   คยาสีเส 
เสด็จประทับอยู่ที่คยาสีสะ   ใกล้แม่น้ำคยา
สทฺธึ   ภิกฺขุสหสฺเสน 
กับด้วยพระภิกษุพันหนึ่ง
ตตฺร   โข   ภควา 
ในกาลนั้นแล   พระผู้มีพระภาคเจ้า
ภิกฺขู   อามนฺเตสิ 
ตรัสเตือนพระภิกษุทั้งหลาย  (ให้ตั้งใจสดับพุทธภาษิตนี้)  ว่า
สพฺพํ   ภิกฺขเว   อาทิตฺตํ 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน
กิญฺจ   ภิกฺขเว   สพฺพํ   อาทิตฺตํ 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   ก็อะไรเล่า   ชื่อว่าสิ่งทั้งปวง   เป็นของร้อน
      จกฺขุํ   ภิกฺขเว   อาทิตฺตํ 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   จักษุ  (คือนัยน์ตา)   เป็นของร้อน
รูปา   อาทิตฺตา 
รูปทั้งหลาย   เป็นของร้อน
จกฺขุวิญฺญานํ   อาทิตฺตํ 
วิญญาณอาศัยจักษุ   เป็นของร้อน
จกฺขุสสมฺผสฺโส   อาทิตฺโต 
สัมผัสอาศัยจักษุ   เป็นของร้อน
ยมฺปิทํ   จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   ทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตมฺปิ   อาทิตฺตํ 
แม้อันนั้น   ก็เป็นของร้อน
เกน   อาทิตฺตํ 
ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ   ราคคฺคินา 
ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสคฺคินา   โมหคฺคินา 
เพราะไฟคือโทสะ   เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ   ชาติยา 
ร้อนเพราะความเกิด
ชรามรเณน  
เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ   ปริเทเวหิ 
เพราะความโศก   เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกฺเขหิ   โทมนสฺเสหิ 
เพราะความทุกข์   เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ 
เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตฺตนฺติ   วทามิ 
เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
      โสตํ   อาทิตฺตํ 
โสตะ  (คือหู)  เป็นของร้อน
สทฺทา   อาทิตฺตา 
เสียงทั้งหลาย   เป็นของร้อน
โสตวิญฺญาณํ   อาทิตฺตํ 
วิญญาณอาศัยโสตะ   เป็นของร้อน
โสตสมฺผสฺโส   อาทิตฺโต 
สัมผัสอาศัยโสตะ   เป็นของร้อน
ยมฺปิทํ   โสตสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   ทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตมฺปิ   อาทิตฺตํ 
แม้อันนั้น   ก็เป็นของร้อน
เกน   อาทิตฺตํ 
ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ   ราคคฺคินา 
ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสคฺคินา   โมหคฺคินา 
เพราะไฟคือโทสะ   เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ   ชาติยา 
ร้อนเพราะความเกิด
ชรามรเณน  
เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ   ปริเทเวหิ 
เพราะความโศก   เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกฺเขหิ   โทมนสฺเสหิ 
เพราะความทุกข์   เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ 
เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตฺตนฺติ   วทามิ 
เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
      ฆานํ   อาทิตฺตํ 
ฆานะ  (คือจมูก)  เป็นของร้อน
คนฺธา   อาทิตฺตา 
กลิ่นทั้งหลาย   เป็นของร้อน
ฆานวิญฺญาณํ   อาทิตฺตํ 
วิญญาณอาศัยฆานะ   เป็นของร้อน
ฆานสมฺผสฺโส   อาทิตฺโต 
สัมผัสอาศัยฆานะ   เป็นของร้อน
ยมฺปิทํ   ฆานสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   ทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตมฺปิ   อาทิตฺตํ 
แม้อันนั้น   ก็เป็นของร้อน
เกน   อาทิตฺตํ 
ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ   ราคคฺคินา 
ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสคฺคินา   โมหคฺคินา 
เพราะไฟคือโทสะ   เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ   ชาติยา 
ร้อนเพราะความเกิด
ชรามรเณน  
เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ   ปริเทเวหิ 
เพราะความโศก   เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกฺเขหิ   โทมนสฺเสหิ 
เพราะความทุกข์   เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ 
เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตฺตนฺติ   วทามิ 
เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
      ชิวฺหา   อาทิตฺตา 
ชิวหา  (คือลิ้น)  เป็นของร้อน
รสา   อาทิตฺตา 
รสทั้งหลาย   เป็นของร้อน
ชิวฺหาวิญฺญาณํ   อาทิตฺตํ 
วิญญาณอาศัยชิวหา   เป็นของร้อน
ชิวฺหาสมฺผสฺโส   อาทิตฺโต 
สัมผัสอาศัยชิวหา   เป็นของร้อน
ยมฺปิทํ   ชิวฺหาสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   ทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตมฺปิ   อาทิตฺตํ 
แม้อันนั้น   ก็เป็นของร้อน
เกน   อาทิตฺตํ 
ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ   ราคคฺคินา 
ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสคฺคินา   โมหคฺคินา 
เพราะไฟคือโทสะ   เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ   ชาติยา 
ร้อนเพราะความเกิด
ชรามรเณน  
เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ   ปริเทเวหิ 
เพราะความโศก   เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกฺเขหิ   โทมนสฺเสหิ 
เพราะความทุกข์   เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ 
เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตฺตนฺติ   วทามิ 
เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
      กาโย   อาทิตฺโต 
กายเป็นของร้อน
โผฏฺฐพฺพา   อาทิตฺตา 
โผฏฐัพพะ  (คือสิ่งที่ถูกต้องทางกาย)   เป็นของร้อน
กายวิญฺญาณํ   อาทิตฺตํ 
วิญญาณอาศัยกาย   เป็นของร้อน
กายสมฺผสฺโส   อาทิตฺโต 
สัมผัสอาศัยกาย   เป็นของร้อน
ยมฺปิทํ   กายสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้เกิดขึ้น   เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   ทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตมฺปิ   อาทิตฺตํ 
แม้อันนั้น   ก็เป็นของร้อน
เกน   อาทิตฺตํ 
ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ   ราคคฺคินา 
ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสคฺคินา 
เพราะไฟคือโทสะ
โมหคฺคินา 
เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ   ชาติยา 
ร้อนเพราะความเกิด
ชรามรเณน  
เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ 
เพราะความโศก
ปริเทเวหิ 
เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกฺเขหิ     
เพราะความทุกข์
โทมนสฺเสหิ 
เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ 
เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตฺตนฺติ   วทามิ 
เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
      มโน   อาทิตฺโต 
มนะ  (คือใจ)  เป็นของร้อน
ธมฺมา   อาทิตฺตา 
ธรรมทั้งหลาย  (คืออารมณ์ที่เกิดแก่ใจ)   เป็นของร้อน
มโนวิญฺญาณํ   อาทิตฺตํ 
วิญญาณอาศัยมนะ   เป็นของร้อน
มโนสมฺผสฺโส   อาทิตฺโต 
สัมผัสอาศัยมนะ   เป็นของร้อน
ยมฺปิทํ   มโนสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตมฺปิ   อาทิตฺตํ 
แม้อันนั้น   ก็เป็นของร้อน
เกน   อาทิตฺตํ 
ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ   ราคคฺคินา 
ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสคฺคินา 
เพราะไฟคือโทสะ
โมหคฺคินา 
เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ   ชาติยา 
ร้อนเพราะความเกิด
ชรามรเณน  
เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ 
เพราะความโศก
ปริเทเวหิ 
เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกฺเขหิ     
เพราะความทุกข์
โทมนสฺเสหิ 
เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ 
เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตฺตนฺติ   วทามิ 
เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
      เอวํ   ปสฺสํ   ภิกฺขเว 
สุตวา   อริยสาวโก 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   อริยสาวกผู้ได้สดับมาแล้ว   เห็นอยู่อย่างนี้
จกฺขุสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในจักษุ
รูเปสุปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในรูปทั้งหลาย
จกฺขุวิญฺญาเณปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในวิญญาณอาศัยจักษุ
จกฺขุสมฺผสฺเสปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในสัมผัสอาศัยจักษุ
ยมฺปิทํ   จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในความรู้สึกนั้น
โสตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในโสตะ
สทฺเทสุปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในเสียงทั้งหลาย
โสตวิญฺญาเณปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในวิญญาณอาศัยโสตะ
โสตสมฺผสฺเสปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในสัมผัสอาศัยโสตะ
ยมฺปิทํ   โสตสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในความรู้สึกนั้น
ฆานสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในฆานะ
คนฺเธสุปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในกลิ่นทั้งหลาย
ฆานวิญฺญาเณปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในวิญญาณอาศัยฆานะ
ฆานสมฺผสฺเสปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในสัมผัสอาศัยฆานะ
ยมฺปิทํ   ฆานสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะฆานะสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในความรู้สึกนั้น
ชิวฺหายปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในชิวหา
รเสสุปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในรสทั้งหลาย
ชิวฺหาวิญฺญาเณปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในวิญญาณอาศัยชิวหา
ชิวฺหาสมฺผสฺเสปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในสัมผัสอาศัยชิวหา
ยมฺปิทํ   ชิวฺหาสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในความรู้สึกนั้น
กายสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในกาย
โผฏฺฐพฺเพสุปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในโผฏฐัพพะทั้งหลาย
กายวิญฺญาเณปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในวิญญาณอาศัยกาย
กายสมฺผสฺเสปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในสัมผัสอาศัยกาย
ยมฺปิทํ   กายสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในความรู้สึกนั้น
มนสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในมนะ
ธมฺเมสุปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในธรรมทั้งหลาย
มโนวิญฺญาเณปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในวิญญาณอาศัยมนะ
มโนสมฺผสฺเสปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในสัมผัสอาศัยมนะ
ยมฺปิทํ   มโนสมฺผสฺสปจฺจยา 
อุปฺปชฺชติ   เวทยิตํ 
ความรู้สึกอารมณ์นี้   เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย   แม้อันใด
สุขํ   วา   ทุกฺขํ   วา 
เป็นสุขก็ดี   เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกฺขมสุขํ   วา 
ไม่ใช่ทุกข์   ไม่ใช่สุขก็ดี
ตสฺมึปิ   นิพฺพินฺทติ 
ย่อมเบื่อหน่าย   ทั้งในความรู้สึกนั้น
นิพฺพินฺทํ   วิรชฺชติ 
เมื่อเบื่อหน่าย   ย่อมคลายติด
วิราคา   วิมุจฺจติ
เพราะคลายติด   จิตก็พ้น
วิมุตฺตสฺมึ 
เมื่อจิตพ้น
วิมุตฺตมิติ   ญาณํ   โหติ 
ก็มีญาณรู้ว่าพ้นแล้ว
ขีณา   ชาติ   วุสิตํ   พฺรหฺมจริยํ  
กตํ   กรณียํ   นาปรํ   อิตฺถตฺตายาติ   
ปชานาตีติ 

อริยสาวกนั้น   ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว   พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว   กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว   กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
อิทมโวจ   ภควา 

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสธรรมปริยายอันนี้แล้ว
อตฺตมนา   เต   ภิกฺขู 
พระภิกษุเหล่านั้น   ก็มีใจยินดี
ภควโต   ภาสิตํ   อภินนฺทุํ 
เพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อิมสฺมิญฺจ   ปน   เวยฺยากรณสฺมึ  
ภญฺญมาเน 
ก็แลเมื่อเวยยากรณ์อันนี้   อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่
ตสฺส   ภิกฺขุสหสฺสสฺส   อนุปาทาย  
อาสเวหิ   จิตฺตานิ   วิมุจฺจึสูติ.  
จิตของพระภิกษุพันรูปนั้น   ก็พ้นจากอาสวะทั้งหลาย   ไม่ถือมั่นด้วย
อุปาทานแล.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Link ไปยังบทสวดมนต์อื่นใน Blog นี้

ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม