บทสวดมนต์ อนัตตลักขณสูตร จากหนังสือสวดมนต์แปล ฉบับรวบรวมและแปลโดย พระศาสนโศภน (แจ่ม จตฺตสลฺโล) วัดมกุฏกษัตริยาราม ซึ่งได้มอบให้มหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นเจ้าของ (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 11/2533) (พิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2481) (542 หน้า)
สามารถดาวน์โหลด Ebook ไฟล์ PDF หนังสือสวดมนต์แปล และไฟล์ DOC, EPUB บทสวดมนต์แปล มาไว้อ่านบนเครื่องคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์มือถือ ได้ที่ Link :
https://drive.google.com/drive/folders/0BzNKymgMsofBOThBX3gzNUhWTXc?resourcekey=0-w3YZgnd85d_xWTdYISLL_A&usp=sharing
https://play.google.com/store/search?q=ting074ch&c=books
สามารถรับฟังเสียงสวดมนต์ (สวดมนต์ ทำนองมคธ / ธรรมยุติ โดยไม่เปลี่ยนเสียงพยัญชนะ) และเสียงอ่านคำแปลบทสวดมนต์บางบท ได้ที่ ting074ch Youtube Channel ที่ Link :
https://www.youtube.com/channel/UC0lr6qLF2P9Lm5XdtbsXiQw
เริ่มอนัตตลักขณสูตร
|
(หน้า
203)
|
ยนฺตํ
สตฺเตหิ ทุกฺเขน
เญยฺยํ อนตฺตลกฺขณํ
|
อนัตตลักขณะอันใด อันสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ได้โดยยาก
|
อตฺตวาทาตฺตสญฺญานํ
สมฺมเทว วิโมจนํ
สมฺพุทฺโธ ตํ
ปกาเสสิ
|
พระสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประกาศอนัตตลักขณะนั้น เป็นธรรมอันปลดเปลื้องอัตตวาทุปาทาน การถือมั่นด้วยอันกล่าวว่าตน และอัตตสัญญา ความสำคัญว่าตน โดยชอบแท้
|
ทิฏฺฐสจฺจาน โยคินํ
|
แก่เหล่าพระโยคี คือปัญจวัคคีย์ ผู้มีสัจจะอันเห็นแล้ว
|
อุตฺตรึ ปฏิเวธาย
ภาเวตุํ ญาณมุตฺตมํ
|
เพื่อให้เจริญญาณอันอุดม เพื่อตรัสรู้ธรรมอันยิ่ง
|
ยนฺเตสํ ทิฏฺฐธมฺมานํ
ญาเณนุปปริกฺขตํ
สพฺพาสเวหิ จิตฺจานิ
วิมุจฺจึสุ อเสสโต
|
จิตของพระปัญจวัคคีย์เหล่านั้น ผู้มีธรรมอันได้เห็นแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยญาณ พ้นแล้วจากอาสวะทั้งปวงโดยไม่เหลือ ด้วยพระสูตรอันใด
|
ตถา ญาณานุสาเรน
สาสนํ กาตุมิจฺฉตํ
สาธูนํ อตฺถสิทฺธตฺถํ
ตํ สุตฺตนฺตํ
ภณาม เส.
|
เราทั้งหลาย จงสวดพระสูตรอันนั้น เพื่อสำเร็จประโยชน์แก่สาธุชนทั้งหลาย ผู้ปรารถนาจะทำคำสอน โดยระลึกตามญาณ อย่างนั้น
เทอญ.
|
อนัตตลักขณสูตร
|
(หน้า
204)
|
เอวมฺเม สุตํ
|
อันข้าพเจ้า (คือพระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
|
เอกํ สมยํ ภควา
|
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
|
พาราณสิยํ
วิหรติ
อิสิปตเน
มิคทาเย
|
เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี
|
ตตฺร
โข ภควา ปญฺจวคฺคิเย
ภิกฺขู
อามนฺเตสิ
|
ในกาลนั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือนพระภิกษุปัญจวัคคีย์ (ให้ตั้งใจฟังภาษิตนี้ว่า)
|
รูปํ ภิกฺขเว
อนตฺตา
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป
(คือร่างกายนี้)
เป็นอนัตตา (มิใช่ตน)
|
รูปญฺจ หิทํ
ภิกฺขเว
อตฺตา อภวิสฺส
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็รูปนี้จักได้เป็นอัตตา (ตน)
แล้ว
|
นยิทํ รูปํ
อาพาธาย สํวตฺเตยฺย
|
รูปนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ (ความลำบาก)
|
ลพฺเภถ จ
รูเป
|
อนึ่ง สัตว์พึงได้ในรูปตามใจหวัง
|
เอวํ เม
รูปํ โหตุ
เอวํ เม
รูปํ มา อโหสีติ
|
ว่ารูปของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
รูปของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
ยสฺมา จ
โข ภิกฺขเว
|
ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
|
รูปํ อนตฺตา
|
รูปจึงเป็นอนัตตา
|
ตสฺมา รูปํ
อาพาธาย สํวตฺตติ
|
เพราะเหตุนั้น รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
น จ
ลพฺภติ รูเป
|
อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในรูปตามใจหวัง
|
เอวํ เม
รูปํ โหตุ
เอวํ เม
รูปํ มา อโหสีติ
|
ว่ารูปของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
รูปของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
เวทนา อนตฺตา
|
เวทนา (คือความรู้สึกอารมณ์) เป็นอนัตตา
|
เวทนา จ
หิทํ ภิกฺขเว
อตฺตา อภวิสฺส
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เวทนานี้
จักได้เป็นอัตตาแล้ว
|
นยิทํ เวทนา
อาพาธาย
สํวตฺเตยฺย
|
เวทนานี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
ลพฺเภถ
จ เวทนาย
|
อนึ่ง สัตว์พึงได้ในเวทนาตามใจหวัง
|
เอวํ
เม เวทนา โหตุ
เอวํ
เม เวทนา มา อโหสีติ
|
ว่าเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
ยสฺมา
จ โข ภิกฺขเว
|
ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
|
เวทนา
อนตฺตา
|
เวทนาจึงเป็นอนัตตา
|
ตสฺมา
เวทนา อาพาธาย
สํวตฺตติ
|
เพราะเหตุนั้น เวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
น
จ ลพฺภติ เวทนาย
|
อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในเวทนาตามใจหวัง
|
เอวํ
เม เวทนา โหตุ
เอวํ
เม เวทนา มา อโหสีติ
|
ว่าเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
สญฺญา
อนตฺตา
|
สัญญา (คือความจำ)
เป็นอนัตตา
|
สญฺญา
จ หิทํ ภิกฺขเว
อตฺตา
อภวิสฺส
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว
|
นยิทํ
สญฺญา อาพาธาย
สํวตฺเตยฺย
|
สัญญานี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
ลพฺเภถ
จ สญฺญาย
|
อนึ่ง สัตว์พึงได้ในสัญญาตามใจหวัง
|
เอวํ
เม สญฺญา โหตุ
เอวํ
เม สญฺญา มา อโหสีติ
|
ว่าสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
ยสฺมา
จ โข ภิกฺขเว
|
ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
|
สญฺญา
อนตฺตา
|
สัญญาจึงเป็นอนัตตา
|
ตสฺมา
สญฺญา อาพาธาย
สํวตฺตติ
|
เพราะเหตุนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
น
จ ลพฺภติ สญฺญาย
|
อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในสัญญาตามใจหวัง
|
เอวํ
เม สญฺญา โหตุ
เอวํ
เม สญฺญา มา อโหสีติ
|
ว่าสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
สงฺขารา
อนตฺตา
|
สังขารทั้งหลาย (คือสภาพที่เกิดกับใจ ปรุงใจให้ดีบ้าง ชั่วบ้าง)
เป็นอนัตตา
|
สงฺขารา
จ หิทํ ภิกฺขเว
อตฺตา
อภวิสฺสํสุ
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารทั้งหลายนี้ จักได้เป็นอัตตาแล้ว
|
นยิทํ
สงฺขารา อาพาธาย
สํวตฺเตยฺยุํ
|
สังขารทั้งหลายนี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
ลพฺเภถ
จ สงฺขาเรสุ
|
อนึ่ง สัตว์พึงได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง
|
เอวํ
เม สงฺขารา โหนฺตุ
เอวํ
เม สงฺขารา มา อเหสุนฺติ
|
ว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
ยสฺมา
จ โข ภิกฺขเว
|
ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
|
สงฺขารา
อนตฺตา
|
สังขารทั้งหลายจึงเป็นอนัตตา
|
ตสฺมา
สงฺขารา อาพาธาย
สํวตฺตนฺติ
|
เพราะเหตุนั้น สังขารทั้งหลาย
จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
น
จ ลพฺภติ สงฺขาเรสุ
|
อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง
|
เอวํ
เม สงฺขารา โหนฺตุ
เอวํ
เม สงฺขารา มา อเหสุนฺติ
|
ว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
วิญฺญาณํ
อนตฺตา
|
วิญญาณ (คือใจ)
เป็นอนัตตา
|
วิญฺญาณญฺจ
หิทํ ภิกฺขเว
อตฺตา
อภวิสฺส
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณนี้ จักได้เป็นอัตตาแล้ว
|
นยิทํ
วิญฺญาณํ อาพาธาย
สํวตฺเตยฺย
|
วิญญาณนี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
ลพฺเภถ
จ วิญฺญาเณ
|
อนึ่ง สัตว์พึงได้ในวิญญาณตามใจหวัง
|
เอวํ
เม วิญฺญาณํ โหตุ
เอวํ
เม วิญฺญาณํ มา อโหสีติ
|
ว่าวิญญาณของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
ยสฺมา
จ โข ภิกฺขเว
|
ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
|
วิญฺญาณํ
อนตฺตา
|
วิญญาณจึงเป็นอนัตตา
|
ตสฺมา
วิญฺญาณํ อาพาธาย
สํวตฺตติ
|
เพราะเหตุนั้น วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
|
น
จ ลพฺภติ วิญฺญาเณ
|
อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในวิญญาณ
ตามใจหวัง
|
เอวํ
เม วิญฺญาณํ โหตุ
เอวํ
เม วิญฺญาณํ มา อโหสีติ
|
ว่าวิญญาณของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
|
ตํ
กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
|
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
|
รูปํ
นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ
|
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง
|
อนิจฺจํ
ภนฺเต
|
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ วา
ตํ
สุขํ วาติ
|
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
|
ทุกฺขํ
ภนฺเต
|
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
|
วิปริณามธมฺมํ
|
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
|
กลฺลํ
นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ
|
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
|
เอตํ
มม เอโสหมสฺมิ
เอโส
เม อตฺตาติ
|
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่
นั่นเป็นตนของเรา
|
โน
เหตํ ภนฺเต
|
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
|
ตํ
กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
|
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
|
เวทนา
นิจฺจา วา อนิจฺจา วาติ
|
เวทนา เที่ยงหรือไม่เที่ยง
|
อนิจฺจา
ภนฺเต
|
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ วา
ตํ
สุขํ วาติ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
|
ทุกฺขํ
ภนฺเต
|
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
|
วิปริณามธมฺมํ
|
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
|
กลฺลํ
นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ
|
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
|
เอตํ
มม เอโสหมสฺมิ
เอโส
เม อตฺตาติ
|
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่
นั่นเป็นตนของเรา
|
โน
เหตํ ภนฺเต
|
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
|
ตํ
กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
|
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
|
สญฺญา
นิจฺจา วา อนิจฺจา วาติ
|
สัญญา เที่ยงหรือไม่เที่ยง
|
อนิจฺจา
ภนฺเต
|
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ วา
ตํ
สุขํ วาติ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
|
ทุกฺขํ
ภนฺเต
|
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
|
วิปริณามธมฺมํ
|
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
|
กลฺลํ
นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ
|
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
|
เอตํ
มม เอโสหมสฺมิ
เอโส
เม อตฺตาติ
|
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่
นั่นเป็นตนของเรา
|
โน
เหตํ ภนฺเต
|
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
|
ตํ
กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
|
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
|
สงฺขารา
นิจฺจา วา อนิจฺจา วาติ
|
สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง
|
อนิจฺจา
ภนฺเต
|
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ วา
ตํ
สุขํ วาติ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
หรือเป็นสุขเล่า
|
ทุกฺขํ
ภนฺเต
|
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ
ทุกฺขํ
|
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
|
วิปริณามธมฺมํ
|
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
|
กลฺลํ
นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ
|
ควรหรือ
เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
|
เอตํ
มม เอโสหมสฺมิ
เอโส
เม อตฺตาติ
|
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่
นั่นเป็นตนของเรา
|
โน
เหตํ ภนฺเต
|
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
|
ตํ
กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
|
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
|
วิญฺญาณํ
นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ
|
วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง
|
อนิจฺจํ
ภนฺเต
|
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ ทุกฺขํ
วา
ตํ สุขํ
วาติ
|
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
หรือเป็นสุขเล่า
|
ทุกฺขํ ภนฺเต
|
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
|
ยมฺปนานิจฺจํ ทุกฺขํ
|
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
|
วิปริณามธมฺมํ
|
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
|
กลฺลํ นุ
ตํ สมนุปสฺสิตุํ
|
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
|
เอตํ มม
เอโสหมสฺมิ
เอโส เม
อตฺตาติ
|
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่
นั่นเป็นตนของเรา
|
โน เหตํ ภนฺเต
|
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
|
ตสฺมาติห ภิกฺขเว
|
เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย
|
ยงฺกิญฺจิ รูปํ
|
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง
|
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ
|
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี
ปัจจุบันก็ดี
|
อชฺฌตฺตํ วา
พหิทฺธา วา
|
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
|
โอฬาริกํ วา
สุขุมํ วา
|
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
|
หีนํ วา
ปณีตํ วา
|
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
|
ยนฺทูเร สนฺติเก
วา
|
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
|
สพฺพํ รูปํ
|
รูปทั้งหมด ก็เป็นสักว่ารูป
|
เนตํ มม
|
นั่นไม่ใช่ของเรา
|
เนโสหมสฺมิ
|
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
|
น เมโส
อตฺตาติ
|
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
|
เอวเมตํ ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย
ทฏฺฐพฺพํ
|
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย
พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้
|
ยากาจิ เวทนา
|
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
|
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา
|
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี
ปัจจุบันก็ดี
|
อชฺฌตฺตา วา
พหิทฺธา วา
|
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
|
โอฬาริกา วา
สุขุมา วา
|
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
|
หีนา วา
ปณีตา วา
|
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
|
ยา ทูเร
สนฺติเก วา
|
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
|
สพฺพา เวทนา
|
เวทนาทั้งหมด ก็เป็นสักว่าเวทนา
|
เนตํ มม
|
นั่นไม่ใช่ของเรา
|
เนโสหมสฺมิ
|
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
|
น เมโส
อตฺตาติ
|
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
|
เอวเมตํ ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย
ทฏฺฐพฺพํ
|
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้
|
ยากาจิ สญฺญา
|
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง
|
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา
|
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี
ปัจจุบันก็ดี
|
อชฺฌตฺตา วา
พหิทฺธา วา
|
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
|
โอฬาริกา วา
สุขุมา วา
|
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
|
หีนา วา
ปณีตา วา
|
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
|
ยา ทูเร
สนฺติเก วา
|
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
|
สพฺพา สญฺญา
|
สัญญาทั้งหมดก็เป็นสักว่าสัญญา
|
เนตํ มม
|
นั่นไม่ใช่ของเรา
|
เนโสหมสฺมิ
|
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
|
น เมโส
อตฺตาติ
|
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
|
เอวเมตํ ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย
ทฏฺฐพฺพํ
|
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย
พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น
|
เยเกจิ สงฺขารา
|
สังขารทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
|
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา
|
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี
ปัจจุบันก็ดี
|
อชฺฌตฺตา วา
พหิทฺธา วา
|
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
|
โอฬาริกา วา
สุขุมา วา
|
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
|
หีนา วา
ปณีตา วา
|
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
|
เย ทูเร
สนฺติเก วา
|
เหล่าใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
|
สพฺเพ สงฺขารา
|
สังขารทั้งหลายทั้งหมด ก็เป็นสักว่าสังขาร
|
เนตํ มม
|
นั่นไม่ใช่ของเรา
|
เนโสหมสฺมิ
|
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
|
น เมโส
อตฺตาติ
|
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
|
เอวเมตํ ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย
ทฏฺฐพฺพํ
|
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย
พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น
|
ยงฺกิญฺจิ วิญฺญาณํ
|
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง
|
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ
|
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี
ปัจจุบันก็ดี
|
อชฺฌตฺตํ วา
พหิทฺธา วา
|
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
|
โอฬาริกํ วา
สุขุมํ วา
|
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
|
หีนํ วา
ปณีตํ วา
|
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
|
ยนฺทูเร สนฺติเก
วา
|
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
|
สพฺพํ วิญฺญาณํ
|
วิญญาณทั้งหมด ก็เป็นสักว่าวิญญาณ
|
เนตํ มม
|
นั่นไม่ใช่ของเรา
|
เนโสหมสฺมิ
|
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
|
น เมโส
อตฺตาติ
|
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
|
เอวเมตํ ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย
ทฏฺฐพฺพํ
|
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้นดังนี้
|
เอวํ ปสฺสํ
ภิกฺขเว
สุตวา อริยสาวโก
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
|
รูปสฺมึปิ นิพฺพินฺทติ
|
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในรูป
|
เวทนายปิ นิพฺพินฺทติ
|
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในเวทนา
|
สญฺญายปิ นิพฺพินฺทติ
|
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัญญา
|
สงฺขาเรสุปิ นิพฺพินฺทติ
|
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสังขารทั้งหลาย
|
วิญฺญาณสฺมึปิ นิพฺพินฺทติ
|
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณ
|
นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ
|
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายความติด
|
วิราคา วิมุจฺจติ
|
เพราะคลายความติด จิตก็พ้น
|
วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ
โหติ
|
เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็เกิดญาณรู้ว่า
พ้นแล้ว ดังนี้
|
ขีณา ชาติ
วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ
กตํ กรณียํ
นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ
ปชานาตีติ
|
อริยสาวกนั้น ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์เราได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเราได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
|
อิทมโวจ ภควา
|
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระสูตรนี้จบลง
|
อตฺตมนา ปญฺจวคฺคิยา ภิกฺขู
|
พระภิกษุปัญจวัคคีย์ก็มีใจยินดี
|
ภควโต ภาสิตํ
อภินนฺทุํ
|
เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
|
อิมสฺมิญฺจ ปน
เวยฺยากรณสฺมึ
ภญฺญมาเน
|
ก็แลเมื่อเวยยากรณ์นี้ อันพระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสอยู่
|
ปญฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ
อนุปาทาย
อาสเวหิ จิตฺตานิ
วิมุจฺจึสูติ.
|
จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์
พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานแล. |